สถิติ
เปิดเมื่อ28/05/2012
อัพเดท16/06/2013
ผู้เข้าชม76227
แสดงหน้า98968
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




ตรวจพบว่ามีองค์ ควรทำอย่างไร (เข้าชม 7524 ครั้ง)
เมื่อท่านได้มาตรวจองค์เทพในเวบนี้แล้ว...ได้รับคำตอบว่าท่านมีองค์เทพ ข้อควรปฏิบัติเบื้องต้น
๑. ท่านสามารถไปขอรับการตรวจองค์เทพเพิ่มเติม...
๒. ให้ทำการศึกษา หาข้อมูลเพิ่มเติม
๓. บางท่านใจร้อนรีบไปรับขันธ์..ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง
๔. ขอให้ทุกท่านเริ่มต้นด้วย ใจอันเป็นกุศล มี ศรัทธา เชื่อมั่น แลไม่สงสัยครับ
๕.
สำหรับ ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ตามกฏหมาย ควร มีผู้ปกครองชี้แนะเพราะ เจ้าชะตาอายุยังน้อยอาจตัดสินใจหรือรับขันธ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม หรือไปรับขันธ์ผิดได้ครับ ด้วยทั้งยังขาดวุฒิภาวะ ประสบการณ์ชีวิต วิสัยทัศน์ และหลงตนเองว่ามีฤทธิ์มีเดชไปเที่ยวลองของผู้อื่น
ลำดับต่อมา... เป็นจุดประสงค์หรือเป้าหมาย ในการเดินสายเทพของท่านว่ามีเช่นไร

๑. อยากเป็นร่างทรง เป็นผู้วิเศษ
๒. อยากหายอาการเจ็บไข้
๓. อยากลบกรรมลิขิต โดยคิดว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นกรรมนั้น
๔. อยากรวย
๕. อยากช่วยคน
๖. อยากมีเครื่องยึดเหนี่ยวให้เป็นคนดี
 
๗.อยากบูชาด้วย ศรัทธา.. เชื่อมั่น.. ไม่สงสัย

หลักการปฏิบัติเบื้องต้นของผู้มีองค์เทพ

๑ . งดหรือห้ามรับประทานเนื้อวัวควายตลอดชีวิต
๒ . ห้ามรับประทานเครื่องเซ่นบวงสรวงของคนอื่น (เครื่อง เซ่นบวงสรวง ของตัวเอง สามารถนำมารับประทานได้ครับ ของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรือผีไม่มีญาติควรงดครับ เครื่องเซ่นที่ปักธูปดอกเดียว ควรงดครับ)

๓ . ห้ามรับประทานอาหารหรือของกินต่างๆในงานศพงานแต่งหากจำเป็นต้องไป ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๑๖ ดอกบอกกล่าวขออนุญาติต่อองค์เทพ ที่ว่าไม่ควรกินอาหารที่งานศพ ด้วยเหตุว่า
       ๑. ไม่ทราบว่าสะอาดหรือไม่
       ๒. ถ้าไปงานแล้วอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ให้ทานอาหารจากบ้านไปครับ
       ๓. ถ้าอยู่ช่วยงานทั้งวัน เวลาจะกินให้ตักไปกินนอกศาลาครับ ให้จุดธูปบอกกล่าวต่อเทพเทวาหรือพนมมือตั้งจิตอธิฐาน ว่ามีเหตุจำเป็นเพราะ ผู้ที่ล่วงลับเป็นญาติผู้ใหญ่ จำต้องร่วมงานและช่วยงานศพให้ลุล่วงด้วยดี เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา
๔ . สวดมนต์เป็นประจำ ชีวิตจะรุ่งเรือง (ให้เปิดตาสวดมนต์ การนั่งสมาธิเพียงให้ใจสงบ ห้ามหักโหม)
๕ . ก่อนที่จะไปทำการรับขันธ์ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ ๓ ครั้งก่อนหากดวงท่านต้องรับขันธ์หรือเดินสายเทพครับ  การรับขันธ์ อาจารย์ ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ
มีข้อคิดเตือนใจ สำหรับ(ผู้ที่มีองค์เทพครับ) คือการครองเรือนครับ ข้อควรปฏิบัติดังนี้
๑. หากจะมีวันพิธีสำคัญเช่นไหว้ครูบูชาเทพประจำปี ประจำหิ้งบูชาตัวเอง ให้ลูกศิษย์ทุกท่านถือศีลให้บริสุทธิ์อย่างน้อย๒วัน ก่อนวันพิธีครับนับวันพิธีเป็นวันที่สามครับ
๒. ในระหว่างการไหว้ครู บูชาเทพที่หิ้งให้ รักษาระดับจิตใจ และอารมณ์ให้นิ่งและสำรวม
๓. ตั้งจิตอธิฐานถ้าจะมา ขอให้มาด้วยบุญฤทธิ์ มาด้วยบารมี มาด้วยสง่าราศรีครับ
๔. นอกเวลาการบูชา ขอให้ทุกท่านจงอย่าหลงติด คือสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติเช่นคู่สามี-ภรรยาโดยทั่วๆไปครับ 

๕. หากเป็นคู่สามี-ภรรยา ไม่อนุญาติให้แยกห้องนอนครับ ความ อบอุ่น ความใกล้ชิดจะหายไปครับ ให้ใช้ชีวิตตามปกติครับ (กรณีที่ร่างนั้นยังอายุไม่มาก จะเห็นได้ว่า หากขาดผู้ชี้นำปัญหาการครองเรือนมักตามมาด้วยความไม่เข้าใจกัน ระหว่างสามี-ภรรยา)
๖. สำหรับการเปิดตำหนัก ผู้ที่เปิดตำหนัก การรักษาวินัยและศีลย่อมต้องเคร่งครัดกว่าธรรมดาครับ เพราะท่านไปยุ่งกับชะตาของผู้อื่น

๗. สำหรับเจ้าตำหนักควรยึดหลักสามประการให้เป็นหลักเกณท์ในการปฏิบัติ
      ๗.๑ ไม่รักลูกศิษย์ (มีความสัมพันฉันท์ชู้สาว) ส่วนมาก มักพบปัญหานี้เสมอไม่ว่าเจ้าตำหนักจะหนุ่มหรือแก่ ดังนั้น จงระวังกาย ใจ ไว้เสมอ(ปาราชิก,สังฆาทิเสส)

      ๗.๒  ไม่โลภเรียกร้อง เงินทอง
      ๗.๓  ไม่โกรธถ้ามีผู้แนะนำตักเตือน
    ในท้ายที่สุด การบูชาเทพหรือปฏิบัติธรรม อาจารย์ ขอให้ศิษย์ทุกท่านได้ ประพฤติ ปฏิบัติในลักษณะสายกลาง ไม่หักโหมแต่ให้ดำเนินไปโดยสม่ำเสมอและมีศรัทธา เชื่อมั่น ไม่สงสัย แค่นี้ก็เป็นสุขได้ครับ เอวังก็มีด้วยประการเช่นนี้...สาธุการ
๘. ควรมีประคำประจำกายอย่างน้อย ๑ เส้น จะเป็นแบบใดแล้วแต่องค์เทพฃองแต่ละท่านครับ
๙.  เมื่อรับขันธ์มาปฏิบัติแล้วท่านเสพยา สารเสพติดเช่น ยาบ้า ยาอี ยาไฮ้ซ์
๑๐.ไม่ดื่มเหล้าในวันบวงสรวงเทพเทวา วันไหว้ครูของท่าน
๑๑.เมื่อ พราหมณ์หรือเจ้าพิธีกล่าวเชิญครูเทพบนสวรรค์มารับเครื่องบวงสรวง ร่างทรงไม่บังควรลุกไปหยิบเครื่องเซ่นบนโต๊ะ มากัดกิน ด้วยลีลาแปลกๆ เรียกว่าไม่รู้กาละเทศะครับ ท่านว่าผิดครูและจะเกิดอาเภทตามมาครับ
๑๒.คู่ สามี-ภรรยา หากผิดใจหรือทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เข้าใจกัน มักเอาเรื่องของอีกฝ่ายที่นับถือเทพมากล่าวในทางเสียหาย ลบหลู่ดูหมิ่น ทั้งที่ไม่เคยคิดถึงสิ่งที่ตัวเองบกพร่อง จะต้องอวมงคล ธรณีสารครับ

-------------------------------------------
สิ่งที่ควรมีในผู้เดินสายเทพ
๑. ควรมีสัมมาคาราวะ รู้จักให้เกียรติผู้อื่น
๒. ควรมีการรู้กาละเทศะ ว่าอะไรควรไม่ควร ของแบบนี้ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ครับ

๓. ควรรู้จักการครองตน ไม่ใช่ว่าเรียนวิทยาคมไสย์เวทย์มาเก่งหรือปฏิบัติสายเทพมา ไปอวดอ้างหรือไปลองภูมิ ลองของคนอื่น เรียกว่าไม่ประมาณตน หากจะโปรดหรือช่วยผู้อื่นก็ขอให้เป็นไปโดยสุภาพชน ด้วยน้ำใจไมตรี
นี่เป็นบทความที่ดีมากของท่าน tada โอม สดา ศิเวศวร อิสี มุณี ปุญญะ
หลักแห่งการปฏิบัติที่พึงกระทำ

1.ย่อมไม่โอ้อวดตน
2.ย่อมไม่ละโมบ
3.ย่อมไม่อหังการ
4.ย่อมละทิฐิ
5.ย่อมมีเมตตาเป็นที่ตั้ง
6.ย่อมรู้จัก ละ ลด ปลด วาง
7.ย่อมไม่ขวนขวายในสิ่งอันมิชอบมาเป็นของตน

-----------------
สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งเมื่อจะเดินสายเทพ
๑. ขอในสิ่งที่เกินตัวเช่น ขอรางวัลที่๑ ขอแจ็คพ็อต๔๐ล้าน แต่ตัวเองไม่ขอรับขันธ์ใดๆทั้งสิ้น ไม่ของเป็นร่างทรงหรือเปิดตำหนักช่วยคน.. เรียกว่าขอเฉยๆ
๒. ตัวเองติดกรรมลิขิตเช่น ทำแท้งแลยังมิได้มีจิตสำนึก จะขอขมาลาโทษ
๓. ยังมิได้อาบน้ำมนต์สามครั้ง... ก่อนการรับขันธ์
๔. บางท่านเป็นเจ้าตำหนัก.. กลับขอบารมีต่อฟ้าที่มากเกินวาสนาแห่งตน.. ยามลงทรงอาจมีการเฉือนลิ้นหรือแทงปาก..
๕. ตัวเจ้าของร่างเองยังมิได้มี จิตเลื่อมใสศรัทธา เชื่อมั่น ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปรับขันธ์ใดๆ
๖. ตัวเจ้าของร่างต้องคุณไสย์ อวมงคลต่างๆอยู่ก่อนแล้ว.. หากทำการรับขันธ์ เป็นไปได้สูงที่จะถูกสัมภเวสีเข้าสิงสู่.. มีบางเวบที่ด่าเรื่องขันธ์ผี .. คงต้องยอมรับว่า มีส่วนจริงครับเพราะเขาต้องการเตือน มิให้เข้ารับขันธ์โดยขาดการพิจารณาครับ
๗.การมุ่งมั่นมากเกินขีดจำกัด เช่น นั่งสมาธิกรรมฐานมากเกินไป สวดมนต์มากเกินไป ด้วยมุ่งหมายที่ฤทธิ์บารมีอยากสัมผัสกับการมีองค์เทพเกินขีดจำกัด
๘.บาง ท่านมาเดินสายเทพ คำแรกที่กล่าวคือ อยากเห็นผี อยากล่วงรู้อนาคต.. บางท่านเมื่อได้สัมผัสแล้วเสียสติก็มีครับ เช่นยกตัวอย่าง บางท่านไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก เรือไวกิ้ง หรือตกหอสูง ใหม่ๆก็สนุกครับ พอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็จะกรีดร้องไปเลย เครื่องเล่นเหล่านี้สามารถหยุดได้ แต่ถ้าเห็นผีหรือล่วงรู้แล้วไม่สามารถยุติได้ โปรดไตร่ตรอง
๙. การเห็นเรื่องเทพหรือสิ่งที่ผู้คนเขานับถือบูชา เป็นของเล่นสนุกๆ ขำๆ ลบหลู่ ความวิบัติจะเกิดกับบุคคลผู้นั้นครับ
๑๐. การสาบานแบบเพ้อเจ้อ หรือบนแบบพร่อยๆ เช่น กินเจตลอดชีวิต รวยหรือโชคดีแล้วจะกลับมาบูชา เรียกว่าพูดไม่คิด ขอให้ตนเองสมปราถนา ยามสวรรค์ลงโทษ จะสำรอกเอาสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมา หรือล้วงเอาเลือดออกมาจากปากตัวเอง
ท่านใดยังติดใน๑๐ ข้อที่กล่าวมาขอให้ลดละเลิกไปเสียครับ

--------------------------------------
อาการของคนที่เริ่มจะเปิดองค์เทพ
๑. มีอาการเวียนศรีษะ หนาว-ร้อน เรอลมจากกระเพาะ เหงื่อออกมาก ขนลุก นอนหลับยาก หน้ามืดวิงเวียน
๒. ยามองค์เทพมาจะสื่อถึง กลิ่นธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นหอมต่างๆ
๓. ยามสัมภเวสีมาเบียดบัง จะได้กลิ่นเหม็น กลิ่นสาปสาง(คนใกล้เคียงสัมผัสได้ครับ)
๔. ยามสัมภเวสีมาสิ่งสู่ หรือองค์เทพมาประทับมีลักษณะ อาการใกล้เคียงกัน แต่ลักษณะที่แสดงออกแต่งต่างกันโดยสิ้นเชิง (สัมภเวสีมา พูดจาหยาบคาย กินเครื่องเซ่นมูมมาม ลุก-นั่ง ไม่สำรวม บางคนนั่งเกาอวัยวะเพศตนเอง มีกิ่นเหม็นโชยมาจากร่าง เสพสุรา ร่ายรำไม่สำรวม)
๕. ร่างมีอาการผิดปกติ เสียขวัญ หรือคล้ายคนที่องค์ลงหรือเสียสติ เกิดจากการถูกลงโทษเพราะ ชอบบนบานศาลกล่าว ให้สัจจะต่อองค์เทพแล้วละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือไม่สามารถทำตามที่ให้สัจจะไว้
๕. ร่างมีอาการลงประทับแรง หรือควบคุมยาก มักเกิดจาก บารมีร่างรับไม่ทันกับองค์เทพ แก้ไขโดยการฝึกจิตให้เข้าถึงรักษาศีล สวดมนต์ รู้เท่าทันกิเลส ดำรงตนเป็นพุทธมามะกะ
ระงับความ โลภ โกรธ หลง ให้รู้จักพิจารณา ขันธ์๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ธาตุ๔ (ดิน น้ำ ลม ไฟ )

-------------------------------

พานครู ใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีต่างๆ เช่น บวงสรวง ไหว้ครู ตั้งหรือถอนศาลเป็นต้น ส่วนประกอบ
๑. ธูป ๕ ดอก

๒. เทียนขาว ๕ เล่ม
๓. พวงมาลัยกร
๔. หมากอย่างน้อย ๕ คำ


---------------------------------------------------------------------
ส่วนขันธ์ครู จุด ประสงค์ของขันธ์ครู...สำหรับท่านที่รับขันธ์มาแล้วได้ทำการล้างขันธ์มา เนื่องด้วยสาเหตุใดก็ตาม (เสื่อมศรัทธาในเจ้าตำหนักหรือผู้ประสิทธิ์ขันธ์) ควรขึ้นขันครูแทน โดยวิเคราะห์ดังนี้
๑. เพื่อเรียกขวัญของตัวเอง แลอยู่เย็นเป็นสุข มั่งมีศรีสุข
๒. เพื่อแสดงความกตัญญู ความเคารพต่อองค์เทพของตน
๓. เพื่อบูชาครูทั้ง๕ คือ ครูเทพเทวา  ครูอาจารย์ ครูอบรมสั่งสอน ครูอักษร ครูพักร์
๔. เพื่อเสริมสร้างบารมีแห่งตน
๕. สำหรับเจ้าตำหนักหรือผู้ที่ใช้วิทยาเวทย์รักษาคุณของผู้อื่นครับ
๖. เพื่อป้องกันเจ้าตำหนักเก่าหรือผู้ไม่หวังดีกระทำคุณไสย์ใส่
๗.เพื่อ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเอง... ให้รู้จักหมั่นดูแลรักษาหิ้งพระหิ้งบูชา.. สวดมนต์ตามโอกาสเป็นการปูแนวทางเดินของชีวิต ให้ใกล้ชิดพุทธศาสนาสืบไป
(หาก ท่านมีครู แลมีประสงค์จะขึ้นขันธ์ครู เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ ไม่มีใครสามารถชี้นำท่านว่าจะรับ-ไม่รับครับ จงเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง มิใช่ให้ผู้อื่นชี้นำครับ)
------------------------------------
1. เรารับขันธ์ทำไม?
ตอบ การรับขันธ์ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ครับ จุดประสงค์

ก. เป็นดวงจุติมาเกิดเพื่อเดินสายเทพ
ข. ได้ปฏิบัติบูชามาระยะหนึ่งแล้ว.. มีศรัทธา.. เชื่อมั่น .. ไม่สงสัย อย่ารับขันธ์ด้วยเพียงเหตุผลว่าโดนทัก หรือมีคนบอกให้รับขันธ์ครับ หากท่านขาดเหตุผลในข้อ ข. นี้ไม่สมควรรับขันธ์ครับ
ค. อย่ารับขันธ์เพราะความโลภ อยากรวย หรือทั้งๆที่ท่านยังเต็มไปด้วย ตัณหา ราคะ อยากได้ไม่สิ้นสุดครับ
ง. อาจารย์ไม่มีประสงค์เรื่องขันธ์เทพ เป็นกรณีหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น เพราะได้มาง่ายรักษายาก เรียกว่าเสียมากกว่าได้ ท่านที่รับขันธ์จึงพึงสังวรณ์ไว้ว่า ผู้ที่รับขันธ์เสียมากกว่าได้ คือ เสียสละ ( คือการช่วยเหลือผู้อื่น ผู้ที่เห็นแก่ได้ไม่สามารถในข้อนี้ครับ) เสียเวลา (การบูชาต้องแบ่งเวลา) เสียความรู้สึก (ทำดีไม่ได้ดี ช่วยเขาแล้วได้ดีลืมบุญคุณ ไม่ได้ผลหรือได้ผลช้ากลับมาลบหลู่) เสียใจ (ศิษย์หรือกัลยาณมิตร ... เนรคุณ)

2. ข้าพเจ้าสามารถรับได้หรือไม่ ?
ตอบ ได้ครับ ถ้าตรวจพบแล้วว่ามีองค์เทพจริง และสามารถตอบปัญหาข้อ ๑ ด้านบนได้แล้ว

3. การรับหรือไม่รับใครกำหนดคะ ?
อบ เบื้องบนครับ คนทำฤาจะสู้ฟ้าลิขิต

4. แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตหรือไม่คะ ?
ตอบ ย่อมเกิดแน่นอน  คิดดีทำดี    จำเริญรุ่งเรือง
                             คิดชั่วทำชั่ว วิบัติดับสูญ...
                             คิดไม่ตกทำไม่ได้ ...อย่าทำ

5. อาการมึนหัว ตัวเย็น จะอาเจียนดังกล่าวเกิดจากสาเหตุใด
ตอบ อาการที่เกิดเป็นได้หลายกรณี  สัมภเวสี..เจ้ากรรมนายเวร.. กรรมลิขิต  หรือเทพเทวาครับ

6.แล้วเหตุใดคนอื่นๆที่เขารับขันธ์ถึงมีท่าทางแปลกๆ
ตอบ ขึ้นกับร่างทรงนั้นๆ ท่าทางแปลกๆวิเคราะห์ดังนี้
ก. การแต่งการแปลกออกไป... ถ้าแปลกมากไปเดินถนนคนว่าบ้าครับ
ข. อาจารย์เคยพบ งานไหว้ครู บางงาน ร่างทรงที่มาร่วมงาน องค์ลงก่อนเจ้าภาพครับ บางท่านสวดแข่งกับพราหมณ์ ที่เขาเชิญมาทำพิธี เรียกว่าไม่รู้กาละเทศะ หากร่างทรงใดมีพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก็ไม่สมควรไปงานครับ ยิ่งไม่สนิทเจ้าภาพยิ่งสมควรพิจารณาตัวเองครับ
ค. ร่างทรงบางท่านยึดติดมากไปครับ.. เวลาไม่ได้ประทับทรง ยังเดินตัวลอย คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาก็มีครับ ต้องการให้คนมากราบกราน
ง. บางคนเป็นเจ้าตำหนักชอบโทรหายืมเงินลูกศิษย์..จิกเป็นรายๆ แบบนี้ไม่ไหวครับ (เช็คไป-เช็คมายืมไปทั่วครับ) .. กฏข้อ ๗ ของการเป็นเจ้าตำหนักควรรักษาไว้........
จ. มีบางท่านอ้างว่า เป็นผู้มีญาณหรือองค์เทพ..ใชัญาณหรือบารมี องค์เทพตรวจ... ลูกศิษย์ที่มาหากเป็นหญิงสาวมักกล่าวอ้างว่า ในอดีตหรือองค์ของทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน.... ให้มาพบเจอกัน... มักพบได้เมื่อท่านไปเจอในเวบแล้วออนเอ็มหรือโทรหากัน ... โปรดใช้วิจารณญาณของท่านให้รอบครอบ หากท่านเป็นหญิงสาว....ไม่เว้นสาวน้อยหรือสาวใหญ่ หรือกำลังว้าวุ่นใจ สับสน โปรดระวัง

7. การรับขันธ์ครู หรือขันธ์เทพ อาจารย์มีประสงค์ว่า ขอให้ผู้ที่รับขันธ์นั้น มีเจตนารมณ์ที่จะบูชาเทพแห่งตนเป็นสรณะบูชาตัวเอง เรียกว่า ให้ความยอมรับนับถือตัวเอง... เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ในการประกอบอาชีพเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ของตัวเอง เป็นคนดี มีที่ยึดเหนี่ยว หาใช่ให้ไปยึดติดกับเจ้าตำหนักใดๆก็หาไม่ครับ (มี บางท่านกล่าวโจมตีว่า ผู้ที่ไปรับขันธ์ เป็นผู้มีจิตใจอ่อนแอ ชอบเป็นเบ๊เป็นบ่าวผู้อื่น แบบนี้ก็เกินไป ใครจะเก่งเหมือนท่านละครับ) ความสามารถ การรับรู้และสภาวะแวดล้อม สำหรับบางท่านก็เหมือนโดนบีบคั้น ดังนั้น..... เวบองค์องค์เทพดอทคอมจึงก่อกำเนิดขึ้น เพื่อหวังว่า จะเป็นแนวทางเพื่อการศึกษาในศาสตร์แขนงนี้ครับ.. ให้เป็นเนื้อนาบุญสืบไป 
-----------------------------------------------------------------
๑. การครอบครู ไม่ทราบว่า จัดขึ้นหรือมีขึ้นดังประสงค์ใดเช่น มีพิธีไหว้ครู ครอบครู เป็นการจัดขึ้นเฉพาะกิจหรือเฉพาะกลุ่ม มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น
๑.ไหว้
ครูโหราสาตร์ครูอาจารย์ครูเทพเทวา.....
๒.ไหว้ครูสักยันต์ครูไสยเวทย์....................
๓.ไหว้ครูนาฏศิลป์ครูดนตรีครูโนราห์............
๔.ไหว้ครูเจ้าตำหนัก...............................
๕.ไหว้ครูโดยคณะศิษย์จัดขึ้น .....มีวัตถุมงคลขาย.. มีกิจกรรมเหมือนขายบัตร
มี การตัดเงินถวายอาจารย์เป็นสัดส่วน.. แบบนี้สังเกตุง่ายครับเพราะครูอาจารย์ท่านนั้นๆจะไม่ค่อยพูด.. ทำกิจกรรมตามรายการและรายล้อมด้วยศิษย์ ไม่สามารถเข้าถึงตัวอาจารย์ได้
จุด ประสงค์ย่อมแตกต่างกันไปครับ.. แล้วอยู่ๆ มีการนำเศียรไปครอบให้กับผู้มาทำบุญทั้งๆที่ ....บุคคลผู้นั้น มิได้ร้องขอหรือมีเจตนาจะครอบ.. นั่นด้วยประสงค์สิ่งใด.. เพราะสี่ข้อที่กล่าวมาด้านบน ผู้ที่มางานทราบดีว่ามีพิธีครอบครู.. หาก ท่านไม่สบายใจ ให้ทำการอาบน้ำมนต์สามครั้ง อธิฐานขอคืนสิ่งที่ท่านไม่ได้มุ่งหวังจะมี หรือแรงครูแลอวมงคลต่างๆ ที่ได้รับมา ขอจงกลับคืนสู่ต้นทางคือผู้เปิดดวงครอบครูครับ

***************************************************

จำเป็นไหมที่ต้องไปงานไหว้ครู
๑. ไปงานไหว้ครูด้วยใจเคารพครูท่านนั้นๆ ด้วยความสบายใจ
๒. ไปงานไหว้ครูเพราะต้องการไปฟังพราหมณ์หรือคนชุดขาวสวดโองการบูชาเทพเทวา
๓. ไปเพราะเคารพเป็นศิษย์เป็นครู
......................................................

หลักปฏิบัติทั่วๆไป

๑. เมื่อท่านเป็นศิษย์มีครูแล้ว สามารถไปงานไหว้ครูที่อื่นๆได้ไหม สามารถไปได้ครับ ไปฟังพราหมณ์หรือหมอขวัญ คนชุดขาวทำพิธีได้ครับ...ไม่ว่าจะเป็นตามวัดหรือตำหนักต่างๆ
๒. ท่านสามารถไปรับการครอบครูที่อื่นๆ นอกจากครูของท่านได้หรือไม่... คำตอบต้องว่าไม่สมควรนัก..... เพราะมิได้เป็นศิษย์เป็นครูหรือมีความนับถือกันมาก่อน.. เพราะก่อนที่ท่านจะกราบครูอาจารย์ของท่านยังใช้เวลาไตร่ตรอง ...กับการพบปะหน้างานแล้วครอบครูเลย ต้องถือว่าไม่สมควรทำครับ
๓. ขณะครอบครู ควรลืมตาหรือหลับตา ควรก้มศรีษะหรือไม่....... อาจารย์บางท่านก็บอกลืมตา อาจารย์บางท่านก็บอกว่าหลับตา.. อาจารย์หมอยาจึงมีโอวาทแก่ศิษย์ดังนี้ เพื่อพึงใช้ปฏิบัติเพื่อเป็นบรรทัดฐานสืบไปว่า หากเป็นงานปีของครูบาอาจารย์ของท่าน.. เมื่อท่านได้รับขันธ์ปราวณาตนขอเป็นศิษย์โดยมี ศรัทธา เขื่อมั่น ไม่สงสัยเป็นที่ตั้ง ดังนั้นแล้วขณะมางานไหว้ครู เมื่อมาขอรับการไหว้ครู ควรก้มหน้า หลับตาระลึกถึงครูอาจารย์ทั้งห้า การก้มหน้าเพื่อเป็นการแสดงความนอบน้อมต่อครูอาจารย์ มิได้เงยหน้าสบตาเพราะ ไม่มีกังวลอันใดว่าครูหรือผู้ที่ดำเนินการครอบครูจะทำการสะกดองค์ของท่าน มีจิตรักแลกตัญญู ไม่มุ่งหวังเทียบบารมีครู .... แต่ในส่วนของการไปครอบครูกับคนอื่นที่มิใช่อาจารย์ของตน หากหลีกเลี่ยงได้ก็พึงละเว้นเสีย นอกจากครูท่านนัั้นๆมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ใน ขณะครอบครูให้ท่านลืมตาแลไม่ก้มศรีษะครับ
**************************************

จริงไหมที่มีคำกล่าวว่ามีเทพแล้วจะครองคู่หรือทีคู่ยาก ถึงมีก็จะเลิกล้างกันไป
ตอบ วิเคราะห์ดังนี้ครับ

๑. เพราะการปฏิบัติที่มุ่งมั่นจนเกินความพอดี ขาดครูอาจารย์คอยเตือนสติ แบบนี้เรียกว่าหลุดโลกครับ
๒. เพราะวิสัยมนุษย์มักโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเองครับ.... เช่นเกิดเหตุการณ์ไม่ดี เคราะห์กรรมต่างๆ มักโทษขันธ์ โทษเทพเทวา ว่าขันธ์ผี เป็นต้น โดยไม่ได้มองความประพฤติตนเองว่า ได้เคยก่อกรรมอันใดไว้ เช่น บางท่านเคยทำแท้งมา1-2-3-4-5-6-7-8-9-10ครั้ง เวลาคุยกับอาจารย์ น้ำเสียงหาได้มีความเสียใจหรือจิตสำนึกไม่ ผลกรรมย่อมติดตามมา ทำให้ท่านไม่มีความสุขในชีวิตคู่การครองเรือนครับ......  อาจารย์เคยได้ยินคำบอกเล่าจากปากลูกดวงว่า เคยไปดูหมอ กับหมอดูหรือพระอาจารย์ เพื่อดูเด็กในครรภ์(กำลังตั้งครรภ์) ว่าเป็นเช่นไร ได้รับคำทำนายว่า เป็นกาลีให้เอาเด็กออกหาไม่สามีจะมีภรรยาน้อยและตกต่ำ คู่สามี-ภรรยาก็ไปเอาเด็กออก เป็นเช่นนี้สองครั้ง ครั้งที่สามฝ่ายภรรยาไม่ยอมเก็บเด็กไว้เมื่อคลอดออกมา ฝ่ายสามีก็ไปมีภรรยาน้อยอยู่ดีครับ...  ฝ่ายลูกดวงก็บอกว่า หมอดูหรือพระอาจารย์ท่านนั้นมีชื่อเสียง อีกด้วย อาจารย์ที่ดูดวงเช่นนี้เลวมากครับหาที่เปรียบมิได้.. คงต้องตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกัลย์ครับ
๓. สามี-ภรรยา อยู่ด้วยกัน ไม่ให้ เกียรติซึ่งกันและกัน เช่นภรรยาไม่ให้เกียรติสามี พูดจาไม่มีหางเสียงแถมหยาบกระด้าง เห็นแก่เงิน รักครอบครัวตัวเองมากกว่าสามี เอาเงินที่สามีฝากไว้ที่ตัวเองไปให้คนอื่น ให้ครอบครัวตัวเอง เช่น ปล่อยกู้ ให้ยืม ยามขัดสนก็ด่าทอ ไม่ได้สนใจว่าเงินที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก และได้นำมาฝากไว้ มิใช่เงินของตน พูดจาก้าวร้าว หลบหลู่ดูหมิ่นสามีไม่พอแถมเลยเถิดไปยังองค์เทพเทวา สามี-ภรรยาท่านใดเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้พึงสังวรณ์ว่า การเคารพเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเหตุผลส่วนตัวและเป็นสิทธิ์เสรีภาพขั้น พื้นฐาน หากจาบจ้วงกันเมื่อใดก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ครับ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำเช่นนี้ เรียกว่าไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วมีเจตารมณ์จะเลิกกับฝ่ายตรงข้าม ครับ ทำเพื่อความสะใจทำได้ครับ แต่จะเสียใจภายหลังครับ

**********************************
ข้อสังเกตุ
๑. การที่เจ้าตำหนักโทรมาเร่งรัด หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นให้ไปงานไหว้ครู
๒. โทรมาเร่งรัด
หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นว่า ดวงตกต้องมาเสริมขันธ์
๓. โทรมาเร่งรัด
หรือให้ศิษย์มาบีบคั้นว่า ถ้าไม่มางานไหว้ครูจะมีอันเป็นไป

      เหล่านี้เป็นการบังคับ ข่มขู่ วิธีการต่างๆนานาสารพัดที่จะบีบบังคับให้ท่านไปงานไหว้ครูของเขาให้ได้ เช่นนี้แล้วพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ถูกต้องและไม่จำเป็นต้องไปครับ ศรัทธาควรมาจากใจ มิใช่ข่มขู่ครับ จึงมีบางเวบที่ประณามร่างทรงหรือตำหนัก ก็นับว่าสมควรแล้วครับ   




สำนักพยากรณ์โลกทิพย์ อาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม