สถิติ
เปิดเมื่อ28/05/2012
อัพเดท16/06/2013
ผู้เข้าชม76233
แสดงหน้า98974
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




บทความ

ประวัติของ อาจารย์ คำนวณ เฉียบแหลม และปะสบการณ์ในนิมิตสมาธิ
ประวัติของ อาจารย์ คำนวณ เฉียบแหลม

ข้าพเจ้าชื่อนายคำนวณ เฉียบแหลม เกิดเมื่อปี พ.ศ 2496 บิดาชื่อนายเพื้อน มารดาชื่อนาง
สุดใจ เฉียบแหลม มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน เป็นผู้หญิง 2คน ผู้ชาย 7คน ปัจจุบันเหลือ 7 คน ความเป็นไปของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเล่าดังต่อไปนี้

ตอนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กๆข้าพเจ้าชอบฟังวิทยุเกี่ยวกับเรื่องของพระธุดงค์หรือประวัติของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าจะซื้อหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพระเรื่องเทพนำมาอ่าน ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าอายุประมาณ 25-26ปี ข้าพเจ้าได้มาทำงานที่จังหวัดจันทบุรี โดยที่ข้าพเจ้ามีอาชีหลักคือเป็นช่างเสริมสวย ข้าพเจ้าได้มาเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียน เกศอาภร แล้วต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้แต่งงานกับครูที่โรงเรียนเกศอาภร แล้วข้าพเจ้าก็ได้ลาออกมาเปิดร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งที่จังหวัดจันทบุรี ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้รู้จักเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง เขาได้แนะนำให้ข้าพเจ้าได้ไปพบกับแม่ยายของเขา ผู้ชายคนนี้ปัจจุบันนี้เขาได้ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่อำเภอป่าปาก อยู่ที่จังหวัดนครพนม ข้าพเจ้าจำชื่อวัดไม่ได้ พระรูปนี้ได้นำข้าพเจ้าให้มาพบกับโยมแก้ว ซึ่งท่านเป็นร่างทรงของพระศิวะ

โยมแก้วได้แนะนำให้ข้าพเจ้ามาอาบน้ำทิพย์ ข้าพเจ้าก็ได้มาอาบอยู่ 3 วัน ต่อจากนั้นโยมแก้วก็ให้ข้าพเจ้าก็ให้ข้าพเจ้านั่งสมาธิ ข้าพเจ้าองนั่งดู 3 คืน รวมใช้เวลาอยู่ 3 คืน ข้าพเจ้านั่งได้ประมาณ 40 กว่านาที คืนที่ 3 ข้าพเจ้านั่งอยู่ ขณะนั้นข้าพเจ้าได้มองขึ้นไปที่หิ้งพระ ตอนนั้นข้าพเจ้าได้นำพระพุทธรูปของหลวงพ่อโสธรมาบูชา ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นที่หิ้งพระนั้น ปรากฏมีแสงส่องทั่วหิ้งพระ เป็นแสงที่สว่างมาก เหมือนกับบนหิ้งพระจะมีเหล่าเทพเทวดาอยู่ประมาณ 7 หรือ 9 องค์

แล้วพอรุ่งเช้าข้าพเจ้าได้ไปพบกับโยมแก้วอีกครั้งหนึ่ง แล้วได้ไปเล่าเรื่องที่ข้าพเจ้าไปพบเห็นให้โยมแก้วฟัง โยมแก้วได้บอกกับข้าพเจ้าว่าในอดีตชาติที่แล้ว ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งในขณะนั้นข้าพเจ้าคิดไปว่าขอเป็นพระศิวะดีกว่า เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือคนได้มาก

แล้วต่อจากนั้นมาข้าพเจ้าก็ได้กลับมานั่งสมาธิอย่างดั่งเดิม ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิอยู่ ในวันนั้นเป็นเวลา 9 โมงเช้า ตอนที่ข้าพเจ้านั่งอยู่นี้ ปรากฏว่าร่างกายข้าพเจ้าได้เปลี่ยนไป สะเก็ดได้ตกมาตามร่างกาย แขน ขา ตัว ข้าพเจ้าก็ได้สูงขึ้นประมาณ 2 เมตร ในจิตคิดว่านี้ข้าพเจ้าได้เป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วหรือ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว  แล้วต่อมาอีกวันหนึ่งเหตุการณ์ก็เหมือนดังเดิม คราวนี้ร่างของข้าพเจ้าได้เปลี่ยนเป็นพระฤษี หนวดเคราขึ้นในจิตรู้ว่านี้ มันเกิดอะไรขึ้น ตอนที่หนวดเคราขึ้น อยากจะใช้คำว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพราะตอนที่สะเก็ดตกมาตามแขนขาและร่างกาย เหมือนเม็ดฝนใหญ่ๆตกลงมาปะทะที่แขนขา และก็เหมือนกับที่หนวดเคราขึ้น เหมือนกับเราได้ดึงหนวดที่คาง

แล้ววันรุ้งขึ้นเหตุการณ์ก็มาปรากฏให้ข้าพเจ้าได้รู้เห็นอีกครั้ง นั่นคือตอนที่ข้าพเจ้าได้นั่งเหมือนดั่งเดิม ปรากฏว่าข้าพเจ้ามีสีหน้าพระนารายณ์หรือพระพรหม และมี4กร หรือ 4มือ การที่ข้าพเจ้าได้เป็น 4หน้า หรือ 4มือ เช้านั้นที่ข้าพเจ้าได้นั่งอยู่ ภรรยาข้าพเจ้าได้บอกว่า เมื่อสักครู่นี้ ใบหน้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนอย่างในรูปของพระนารายณ์ ตอนนั้นข้าพเจ้าได้นำรูปภาพของพระนารายณ์ ซึ่งในภาพนั้นพระนารายณ์ใส่ชุดฤษีหรือชุดเสือ เป็นคำบอกเล่าของภรรยาข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้รู้สึกขึ้นมาเอง ในตอนที่ข้าพเจ้าได้มีสีหน้านี้นั้น ข้าพเจ้าก็ได้วางเฉย

แล้ววันต่อมาข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติ กิจเหมือดังเดิม วันนี้ก็เช่นเคย ข้าพเจ้าได้มาเป็นองคต เพราะว่าในศีรษะนั้นได้หมุนเวียนอยู่นานมาก แล้วข้าพเจ้าก็ได้นั่งปฏิบัติกิจไปตามปกติ แต่คราวนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าลำตัวข้าพเจ้าใหญ่สูงมาก แล้วก็ข้าพเจ้าได้เพ่งกสิน เพ่งไปที่ธูปกับที่เทียน สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้น ธูปไหวติงเอียงไปมาอยู่หลายเดือน และข้าพเจ้าได้มองไปที่โต๊ะ เตียง ทุกอย่างในห้องไม่ปรากฏว่าเห็นอะไรเลย ของทุกสิ่งทุกอย่างในห้องได้หายไปหมดสิ้น แม้กระทั่งหลอดนีออนก็หาย แล้วก็จะมีในห้องคล้ายกับเสียงพญางู ซึ่งชุกชุมมาก แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพญางู แต่ความรู้สึกข้าพเจ้าคิดว่าในห้องนี้ได้มีสิ่งลี้ลับและในขณะที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตั้งแต่ต้นมา สะเก็ดดาวข้าพเจ้าได้เห็นสะเก็ดดาวตกมาในทั่วบริเวณท้องและมาตกตามลำตัวของข้าพเจ้า

ในบางครั้งสะเก็ดดาวได้ตกลงมาเท่ากับหัวแม่มือ ก็มีได้เข้ามาในดวงตาข้าพเจ้า เป็นอย่างนี้มานับจำนวนประเมินได้ว่าตั้งแต่ข้าพเจ้าได้นั่งมาสเก็ดดาวประมาณ 2-3หมื่นดวง เป็นระยะเวลายาวนานจนถึงวันนี้นับได้ว่า 29ปีประมาณนั้น ในบางครั้ง ข้าพเจ้าได้นอนเล่นอยู่ที่เตียงนอน ข้าพเจ้าได้เห็นพระอาทิตย์มาหาข้าพเจ้า ห่างจากตัวข้าพเจ้าประมาณ 1 ช่วงแขน เห็นพระอาทิตย์ดวงใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร พอผ่านไปได้อีก 5 นาที คราวนี้มีพระจันทร์มาหาข้าพเจ้าอีก พระจันทร์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร มาหาข้าพเจ้า 2 ครั้ง พระอาทิตย์สีแดงสด พระจันทร์สีเหลืองสด อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า มีวันหนึ่งข้าพเจ้าได้เห็นพระศิวะอยู่บนฟ้าองค์ใหญ่ เห็นเป็นรูปพระศิวะนั่ง

อยู่ต่อมาข้าพเจ้าได้นอนเล่นตามปกติเหมือนเช่นเคย ข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่ง คราวนี้ข้าพเจ้าคิดว่า หน้าข้าพเจ้าได้หายไป ในจิตมองไปเห็นผ้าเหลือง แล้วก็มองไปเห็นเป็นสมเด็จพระพุทธจารย์โตได้เข้ามาประทับในจิตวิญญาณของข้าพเจ้า แล้วต่อจากนั้นก็มีหลวงปู่ทวด หลวงพ่อสด เจ้าคุณนร ทั้งหมดนี้มันเป็นอะไรที่ข้าพเจ้าไม่ได้คิด ไม่ได้นึกถึงสมเด็จทั้ง 4 รูป 4องค์นี้ ซึ่งตัวข้าพเจ้าพยายามมองหาตัวข้าพเจ้าเองแต่มองไม่เห็นเห็นแต่ผ้าเหลืองเห็นเป็นรูปท่าน พอมองไปจะปรากฏเห็นรูปพระทั้ง 4 รูป 4 องค์ แล้วต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้มานอนเล่นเหมือนเดิม

ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นรู้สึกได้จากจิตจะเห็นใบหน้าของคนมากมาย ผู้แก่ผู้เฒ่าเยอะแยะไปหมดจนจดจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งในขณะนั้นใบหน้าข้าพเจ้า หาไม่เห็น หาไม่เจอ แต่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติกิจตามปกติ คราวนี้เหมือนกับข้าพเจ้าได้ระลึกชาติได้มาเป็นสัตว์เดรฉานอยู่หลายชนิด ข้าพเจ้าคงไม่เอ่ยนามให้ฟังได้ แล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าจดจำได้ ข้าพเจ้าได้มาเป็นเสือดำตัวใหญ่เห็นได้ชัด ตอนที่ข้าพเจ้าได้มาเป็นเสือดำมันช่างน่ากลัว

ข้าพเจ้าได้มานอนพักเล่นอยู่ที่เดิม ครั้งนี้ช่วงเวลาสายๆ ข้าพเจ้าก็ได้เห็นมือของพระพุทธเจ้าเป็นสีทองได้มาปิดพระอาทิตย์ ด้วยตาเปล่าเห็นชัดๆ แล้วอยู่ต่อมาหลังจากที่ข้าพเจ้าได้แยกกับครอบครัว ข้าพเจ้าได้มาพำนักพักพิงอยู่ที่บ้านลูกศิษย์ ในวันนั้นข้าพเจ้าได้ตื่นนอนขึ้นมาช่วงเวลาสายๆ เพราะในสิ่งที่ข้าพเจ้าจะได้พบเห็นในสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนเที่ยง อย่างสิ่งที่ข้าพเจ้าจะนำเล่า เช้านั้นข้าพเจ้าได้เห็นพญานาคหรือนาคราช 7 หัว หรือ 7 เศียร กำลังส่ายหัวอยู่บนท้องฟ้าสูงเทียมเมฆ เห็นด้วยตาเปล่า เห็นอยู่ประมาณ 5 นาทีหรือมากกว่านั้น ลำตัวหรือเศียรของท่านนี้สูงเทียมเมฆ ท่านผู้อ่านคงจะจินตนาการออก

อยู่ต่อมาอีกไม่กี่วัน วันนั้นข้าพเจ้าได้ไปที่สุพรรณบุรี เย็นนั้นลูกศิษย์ข้าพเจ้าได้พาไปธุระที่บ้านหลังหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ลงไป นั่งอยู่บนรถสองคนกับคนขับ ช่วงเวลาประมาณใกล้ทุ่ม ฝนได้ตกลงมาพึมพรำ ข้าพเจ้าก็ได้มองไปที่หน้ารถ ในภาพนั้นที่เห็นคือ พระพุทธเจ้าองค์ท่านสวยมาก จีวรสีเหลืองสด ข้าพเจ้าเห็นท่านอยู่ประมาณเกือบ 1 วินาที แต่ข้าพเจ้ายังจดจำได้จนถึงขณะนี้ ข้าพเจ้าก็ได้บอกกับคนรถที่นั่งด้วยกัน คนขับรถชื่อมาด ว่าข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า

ต่อจากนั้นมา ข้าพเจ้าจะไปเที่ยวที่ศาลหลักเมืองหรือจะเข้าบ้านคน จะมีเจ้าที่มาเชิญให้เข้าบ้าน หรือไปที่ศาลหลักเมืองจะเห็นทหารชุดสีแดงในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช แต่เห็นกลางวัน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจอะไร คราวนี้อีก 10 ปีต่อมา ข้าพเจ้าก็ได้เข้าไปทำงานที่หาดใหญ่ ข้าพเจ้าก็ได้ไปนั่งปฏิบัติเหมือนดังเดิม ในขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ใน พุทธ-โธ ปรากฏว่าร่างของข้าพเจ้าได้เปลี่ยนไปเป็นพระศิวะเต็มๆ ข้าพเจ้ามองหาตัวเองไม่พบ เห็นแต่เสื้อผ้าแล้วก็กระดูกที่จำได้ นอกนั้นเป็นองค์พระศิวะทั้งหมด ทั้งกายและจิต และก็มาเป็นพระนารายณ์ ความรู้สึกเหมือนกับความรู้สึกครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เป็นพระศิวะ ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติดังเดิม ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เป็นพระแม่กวนอิม เหมือนกับที่ข้าพเจ้าได้เป็นพระศิวะ พระนารายณ์ ตอนนั่งได้เป็นร่างของท่าน 2 ครั้ง ทั้ง 3 องค์ ข้าพเจ้าได้วางเฉยไม่ได้ยินดีไม่ได้ตื่นเต้นดังเดิม

และในขณะหนึ่งนั้นข้าพเจ้าก็ได้เห็นพระนารายณ์เข้ามายกมือไหว้ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า แล้วต่อจากนั้นเห็นพระแม่กวนอิมใส่ชุดวิวาห์ยาวเหมือนชุดสากลฝรั่ง ได้มากราบข้าพเจ้า ห่างจากตัวข้าพเจ้าประมาณ 1 เมตร เห็นด้วยตาเปล่า ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้า เหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความพะวง ไม่ได้คิดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าข้าพเจ้าคือตัวข้าพเจ้า ณ ลำดับต่อจากนี้ไป ข้าพเจ้าได้ไปอยู่ที่จังหวัดตรัง เช้านั้นข้าพเจ้าตื่นนอนขึ้นมาได้นั่งสมาธิอีกครั้ง โดยใช้เวลานั่งไม่นานเห็นพระศิวะ องค์สีเขียว องค์ใหญ่ใหญ่กว่าคนอีกเท่าตัวหนึ่ง ได้หายเข้ามาในหน้าผากข้าพเจ้า เห็นด้วยตาเปล่าชัดเจนมาก และยังได้เห็นพระแม่อุมาจะเข้ามาแต่เข้าไม่ได้ และในขณะที่ข้าพเจ้าได้อยู่ที่นี่

ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนที่เขาเปิดสำนักอยู่ ข้าพเจ้าก็ได้ใช้เวลาไปพูดคุยกันและไปนั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายเดือน แล้วข้าพเจ้าก็ได้พบเห็นมนุษย์ต่างดาวมากที่ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ตัวสูง และขอย้อนอดีต ตอนที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่จันทบุรี ข้าพเจ้าได้เห็นมนุษย์ต่างดาว ดาวนี้ชื่อว่าดาวอังคาร เป็นทหารเต่าอยู่ 2 คน ตัวไม่สูงจากพื้นมาประมาณ 1 เมตรครึ่ง ถือปืน ปืนที่ถือนี้ไม่ใช่ปืนที่เห็นทั่วไป แล้วก็ข้าพเจ้ายังได้เห็น ตอนที่ข้าพเจ้านอน บางครั้งปิดไฟมืดมีแสงสว่างขึ้นมาในที่นอนเป็นประจำหลายครั้ง ข้าพเจ้านึกว่าเปิดไฟ ลืมตามาก็เห็นห้องมืดอยู่ และก็ยังเห็นโลกใบนี้ทั้งโลกลงมาให้เห็น อยู่หลายครั้ง

และข้าพเจ้าก็ยังนั่งต่อไปอีก เห็นในจิตเป็นซี่โครงมีไฟเผาลุกอยู่ 2 ครั้งเป็นเปลวไฟที่สุกแดงอร่ามชัดเจนมาก และยังเห็นอัษฐิของข้าพเจ้าอยู่ในจิตวิญญาณเห็นอยู่ 7, 8, 9 อัษฐิ มีสีน้ำเงิน สีเหลือง สีส้ม และสีขาว และก็สีเทา ต่อไปจากนั้นข้าพเจ้ายังได้ไปเห็นพบชาติของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีและเห็นเด็กน้อย 2 คนในชุดที่เห็นทั้ง 4 นี้นั้น ทั้ง4 ใส่ชุดสีขาว กำลังเดินอยู่ในป่าจนเห็นชัดเจนจนจำความได้แล้วก็ข้าพเจ้ายังพบเห็นอีกนั่นคือ พระนางสิริมหามายา ตอนนางเอามือจับที่ต้นไม้ ต้นไม้ต้นนี้เหมือนกับต้นไทรแล้วก็คลอดออกมาเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ข้าพเจ้ายังนั่งเห็นไปอีกตอนที่สาวกมาประชุมกันเนืองแน่นและยังเห็นตอนที่ช้างและลิงได้มอบถวายดอกไม้ให้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็มาเห็นตอนที่ท่านอดอาหารรูปร่างผอมเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพที่ข้าพเจ้าเห็น ณบัดนี้ความทรงจำของข้าพเจ้านั้นยังอยู่คงเดิม

และก็ยังไปเห็นพระธัมมไชโยเห็นตอนที่ท่านลงจากยานอวกาศเห็นคน 4 คนชุดที่ใส่เป็นชุดสีขาวเดินนำพาพระธัมมไชโยนำมาขึ้นรถยี่ห้อวอลโว่สีน้ำตาลดำเห็นอยู่ 2 ครั้งในแต่ละเรื่องเหมือนกับที่ข้าพเจ้าได้เล่ามานี้นั้นจะเห็นภาพ 2 ภาพจนจดจำได้ยังจดจำได้ แล้วก็ข้าพเจ้ายังเห็นในหลวงและพระราชินีรวมทั้งพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์เห็นในจิตเนิ่นนานมากเป็นจำนวนหลายเดือน เห็นในหลวงอยู่หลายภาพ 2 ถึง 4ภาพท่านประทับอยู่บนบรรลังก์ เหมือนกับในภาพที่เราได้เคยพบเห็นในหนังสือ ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าทำไมข้าพเจ้าได้มาปฏิบัติจึงต้องได้มาพบเห็นในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกเล่าไปตามนี้

และก็ย้อนไปเมื่อที่ข้าพเจ้าได้ไปทำงานอยู่ที่อำเภอสามพรานจังหวัดนครปฐม ข้าพเจ้าได้นอนอยู่ที่ทำงานบนเตียงข้าพเจ้าได้เห็นพระศิวะตอนนั้น พระศิวะอายุประมาณได้ว่า 14-15 ปีได้มาเดินวนเวียนอยู่รอบรอบอยู่ที่เตียงนอนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้มาอยู่ที่สามพรานแค่ระยะเวลาอันสั้น ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เปลี่ยนที่ทำงานอยู่บ่อยครั้งและหลายครั้ง และที่ไหนที่ข้าพเจ้าได้ไปอยู่ในความรู้สึกของตัวข้าพเจ้าได้เห็นที่นั่นเหมือนกับว่าสถานที่นี้ข้าพเจ้าได้เคยมาอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เห็นภาพดังนี้ ข้าพเจ้าจะต้องมีอันต้องย้ายที่อยู่เป็นจำนวนที่ข้าพเจ้าจำได้มันมากกว่า 50 ครั้ง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีชีวิตที่ร่อนเร่พเนจรไปแทบทุกจังหวัดของประเทศไทย ก็จึงไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าได้เล่ามาให้ท่านผู้อ่านรับรู้ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่านี่มันเกิดขึ้นกับตัวของข้าพเจ้าได้อย่างไร และในความฝันก็เช่นกันข้าพเจ้าได้ฝันว่าตัวเองนี้นั้นบางครั้งตัวลอยขึ้นจากพื้นดิน เหาะเหินในความฝันเรื่องตัวลอยขึ้นจากพื้นดินมีมากนับจำนวนไม่ได้ ในความฝันบางครั้งดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ในความฝันของข้าพเจ้าคิดไปว่ามันคล้ายเรื่องจริงแต่ก็ยังมีสิ่งที่ลี้ลับอีกนับจำนวนมาก ข้าพเจ้าไม่สามารถนำมาเขียนให้ผู้อ่านได้รับรู้ได้

แล้วก็ตอนที่ข้าพเจ้านอนหลับตาอยู่ ยังเห็นภาพของคน ของพระ จะเป็นภาพผู้หญิงคนแก่หรือเด็กเห็นมานานแล้วก็หลายครั้ง ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็ยังพบเห็นอยู่และข้าพเจ้ายังได้พบเห็นใสสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่เห็นแต่ข้าพเจ้าได้พบเห็น อย่างเช่นว่า เห็นเมือง เห็นวัด เห็นปราสาท เห็นภูเขาแปลก แม้กระทั่งพระเยซูก็ยังมาให้เห็นให้รู้ แล้วข้าพเจ้าก็ยังมองไปข้างบนเมฆ ยังเห็น พระถังซำจั๋งพร้อมด้วยลูกศิษย์ของท่านอีก 2 คน ข้าพเจ้าไม่กล้ายืนยันว่าเป็นใคร เห็นอยู่นานจนข้าพเจ้าจดจำได้และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมันเยอะมันมากจนไม่สามารถนำมาให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้

คราวนี้จะย้อนไปเมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้าพเจ้าได้ไปพำนักอยู่ที่บนดอย ตำบลบ้านกาด อำเภอสันป่าตอง บนดอยนี้มีป่าไผ่ขึ้นเกือบจะเต็มดอย มีฤษีอยู่บนดอยรูปหนึ่ง อายุ 75 ปี มีคนอยู่บนดอย 7-8 คน ข้าพเจ้าก็ได้ขึ้นไปวันแรก ก็คิดว่าจะไปปฏิบัติอยู่บนดอย วันนั้นที่ข้าพเจ้าได้ขนสัมภาระที่นอนจะไปนอนที่กุฏิ พอข้าพเจ้าได้เข้าไปกุฏิ ภาพที่เห็นด้วยตา พระอินทร์ยกผีขึ้นข้างบน ข้าพเจ้าได้รับฟังคนที่นั่นที่อยู่มาก่อน ไม้ที่เอามาทำกุฏินี้เป็นไม้เจ้าของบ้านที่ตายไปแล้ว เขาคงจะตามมากับไม้ที่เอาไปทำกุฏิอย่างที่เราได้เห็น ข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติกิจอยู่ที่นี่ดังเดิม ส่วนฤษีได้สวดมนต์ของท่านไปอยู่ห่างจากข้าพเจ้าประมาณ 20 เมตร ส่วนกลางคืนนี้เงียบมาก มืดมาก ใช้เทียนไฟฟ้าไม่มีใช้ อยู่ต่อมาข้าพเจ้าก็ได้มองไปที่พื้นบนเขาก็ติดกับที่พักของข้าพเจ้า

ในสิ่งนั้นที่ข้าพเจ้าได้มองจิตที่พื้นดิน ตรงบริเวณนั้นความกว้างประมาณสัก 1 งาน มองไปเห็นเป็นสนามแม่เหล็ก ที่นั่นมีพลังจักรวาล ข้าพเจ้าได้พลังจิตแห่งจักรวาลมาที่นี้ แล้วก็ได้องค์จักรวาลมาที่นี้ ข้าพเจ้าได้เห็นองค์จักรวาลอยู่บนศีรษะข้าพเจ้า องค์ท่านสีเหลืองทอง แต่งกายคล้ายกับพระนารายณ์ แต่มีพลังมากกว่าพระนารายณ์

และข้าพเจ้าก็ได้เปิดหูทิพย์ ตาทิพย์ให้กับร่างผู้หญิงคนหนึ่ง อายุนางปีนั้น 40 ปี นางยังเป็นสาวบริสุทธิ์ นางเป็นร่างของพระแม่กวนอิม แต่ว่าร่างของนางยังไม่เต็ม เนื่องจากนางติดวิบากกรรม พอข้าพเจ้าได้เปิดตา เปิดจิตวิญญาณให้นาง นางก็พูดภาษาจีนกลางได้ชัดเจนมาก ก่อนหน้านี้นางพูดจีนแต่ยังไม่ชัด ตอนที่นางอยู่ร่างปกติ กับตอนที่ข้าพเจ้าเรียกจิตวิญญาณของพระแม่กวนอิมลงร่างนางดูแล้วว่า ร่างเดิมกับมีร่างพระแม่กวนอิมประทับจะเห็นความเปลี่ยนแปลง

และข้าพเจ้าได้นำจิตวิญญาณของพระศิวะ พระนารายณ์ พระแม่อุมา ลงไปประทับในร่างของนาง ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าได้คุยกับนางจะทดสอบจิตวิญญาณของนางดู นางอยู่ในร่างปกติกับร่างขององค์เทพ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันมาก และอีกคนหนึ่งคนนี้เป็นผู้ชายอายุ 16 ปี เด็กคนนี้มีร่างเจ้าชาย เจ้าชายนี้ข้าพเจ้าจะไม่ขอเอ่ยนาม ข้าพเจ้าได้เปิดจิตวิญญาณ หูตาให้กับเด็กคนนี้ ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า ตัวข้าพเจ้ากับเด็กคนนี้มีจิตวิญญาณดวงเดียวกัน สามารถรับรู้ในสิ่งที่พบเห็นจะรู้เหมือนกัน

ข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลก แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สงสัยอะไรได้แต่วางเฉย แล้วสถานที่นี้ยังมีอีกนั่นคือ เหมือนกับว่าเราอยู่ในอีกภพหนึ่ง คืนนั้นข้าพเจ้าได้เห็น เจ้าหญิงไดอาน่ามาอยู่ที่นี่ รูปเรือนกายของนางเหมือนม้ามี 4 ขา แต่ว่าใบหน้าเป็นเจ้าหญิงไดอาน่าอยู่หลายครั้ง แล้วก็ยังมีสิ่งที่ลี้ลับอีกมากกว่านี้ จนข้าพเจ้าคงยังขอไม่พูดถึง ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าได้สอนคนนั่งสมาธิ เพียงว่าให้นั่งข้าพเจ้านั่งคุมอยู่ใกล้ๆ การนั่งใช้เวลาแค่เพียง 10 กว่านาที คนที่นั่งสมาธิจะเห็นในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้นำบอก ก่อนนี้ว่าชาติที่แล้วเจ้าคือจระเข้ พอนั่งไปไม่นานสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือจระเข้จริงๆอย่างที่ข้าพเจ้าได้บอกไปแล้ว มีอีกคนหนึ่งคนนี้อายุมากแล้ว ข้าพเจ้าก็ให้นั่งแค่เพียง 10 นาทีเห็นจะได้ ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเห็นเขาบอกข้าพเจ้าว่า อาจารย์ มือออกมาเต็มเลย ข้าพเจ้าก็รู้ว่ามือที่โผล่มานี้นั้นเป็นมือใคร

แต่ข้าพเจ้าก็เพียงแต่บอกเขาว่า เป็นจิตวิญญาณของพระแม่กวนอิม ที่นี่ยังมีจิตวิญญาณของนักรบสมัยเก่าก่อน มีมาก อีกมาก เช่น พระนเรศวร พระเจ้าตากสิน หรือกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ได้นั่งเล่นอยู่ที่ม้าโยก ข้าพเจ้าได้บริกรรม พุทธ โธ อยู่สักไม่นานรู้สึกขึ้นได้ว่า บนหน้าผากข้าพเจ้าได้เปิด มีอาการคัน รู้สึกได้ชัดเจน และก็ได้มีแมลงวันมาเกาะแต่ก็เกาะไม่ได้ลื่น ข้าพเจ้าตกใจเล็กน้อย ยินดีที่ข้าพเจ้าได้ขึ้นมาถึงบนดอยนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าบนดอยนี้ มีพลังแล้วมีสนามแม่เหล็กโลก ขอย้อนอดีตสักนิดหนึ่ง

ก่อนที่ข้าพเจ้าได้
ปฏิบัติมา 3 วันแรก หู ตา เริ่มเปิด เริ่มเห็น ข้าพเจ้าได้ดวงตาจากองค์พระศิวะจากจังหวัดตรัง แล้วข้าพเจ้ายังได้ดวงตาขององค์พระจักรวาล ข้าพเจ้าขอใช้คำว่า พลังจิตทิพย์ พลังตาทิพย์ ขององค์ท่านพระจักรวาล ในขณะที่ข้าพเจ้าได้อยู่ที่บ้านกาด ข้าพเจ้าก็ได้ใช้พลังจิตของเชิญหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก อยู่ประจวบคีรีขันธ์ ข้าพเจ้าขอจิตวิญญาณของท่านเข้ามาในจิตวิญญาณของศิษย์ และท่านก็เข้ามา ข้าพเจ้าก็ได้สอบถามท่านว่า ท่านรู้จักคนที่ชื่อคำนวณหรือไม่ หรือเปล่า ข้าพเจ้าก็บอกชื่อ พ่อแม่ ของข้าพเจ้าให้ท่านรู้ก่อน แต่ว่าท่านบอกว่า แล้วท่านก็ทักขึ้นมาว่าจำได้มีชื่อคำนวณ ทีนี้ข้าพเจ้ามาคิดดูมันแปลกดี ข้าพเจ้าสามารถนำจิตวิญญาณของหลวงพ่อเปี่ยมนำลงในจิตวิญญาณของลูกศิษย์ เพราะว่าหลวงพ่อเปี่ยมเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าได้อยู่ที่บ้านกาดเป็นเวลา 28 วัน

ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าลงมาจากบ้านกาดก็มาทำงานอย่างเดิมอยู่ที่เชียงใหม่ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยลดละจากการนั่งสมาธิ ก่อนลงมาจากดอย ดูเหมือนว่ารถโดยสารหมดแล้ว เพราะเป็นเวลาเย็น แต่ในเสียงบอกว่ารถยังมีอยู่ ก็จริงอย่างที่ได้รับเสียงมา ก็อาศัยรถกระบะของผู้ที่ขับผ่านมา ก่อนหน้านี้ที่ข้าพเจ้าได้รับฟังมาเกี่ยวกับเรื่องปัญญาในช่วงระยะเวลาที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติมาถึงปีที่ 10 ข้าพเจ้าก็ได้เกิดปัญญานิมิตเข้ามาในความรู้สึกว่าเหมือนกับคนที่รู้แจ้งเห็นจริง เหมือนกับในอดีตที่ข้าพเจ้าได้เคยรับฟังมาจากโยมแก้วว่า ต่อไปคุณจะรู้แจ้งเห็นจริงข้าพเจ้าจะขอนำคำว่าเกิดปัญญานี้ว่าเป็นเช่นไร ในขณะที่ได้เกิดปัญญาในความรู้สึกมีความสุขไปทั่วร่างหูตาเปิดจะมองเห็นในสรรพสิ่งที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน แต่วันนี้ขณะนี้ข้าพเจ้าจึงได้มาเข้าใจคำว่าปัญญาและทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็ได้นิมิตหรือพุทธ-โธเกือบจะตลอด วันคืนอย่างเช่นหากข้าพเจ้าอยากพบอยากเห็นอะไรข้าพเจ้าก็จะนิมิตเข้ามาในพลังจิตภาพเหล่านั้นก็จะมาปรากฏกายให้ข้าพเจ้าได้รับรู้ ข้าพเจ้าต้องขอขอบพระคุณ ท่านด๊อกเตอร์ พระคะนอง ที่ท่านได้อภินันทนาการให้ข้าพเจ้าได้มาลงในหนังสือโลกทิพย์และโลกลี้ลับมา ณ บัดนี้ ขอขอบพระคุณจาก อาจารย์คำนวณ เฉียบแหลม
 
 
 
 


สำนักพยากรณ์โลกทิพย์ อาจารย์ คำนวน เฉียบแหลม